สงกรานต์ปี 2565 นี้ ตำรวจพร้อมอำนวยความสะดวก จัดกำลังกว่า 80,000 พร้อมข้อนโยบายด้านการจราจร
เมื่อวาน (วันที่ 28 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 น) ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร) ได้มีจัดการแถลงการณ์ถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการจราจรช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 ไว้และยังตั้งเป้าหมายในการลดการเกิดอุบัติเหตุไว้ที่ 5% ซึ่งนำโดยพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ผอ.ศจร.ตร.) ร่วมด้วย พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. โดยได้มีการกำหนดนโยบายด้านการจราจร พร้อมทั้งเตรียมการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 80,000 นายทั่วประเทศ ในการให้การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนา สำหรับการกำหนดนโยบายด้านการจราจร โดยมีจุดเน้นด้วยกัน 7 ข้อ ดังนี้
1. การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร โดยได้ให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม มีตั้งแต่การจัดทำแผนที่แสดงเส้นทางสำรอง เส้นทางเลี่ยง และเส้นทางลัดต่าง ๆ พร้อมกับการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทำการคืนพื้นผิวจราจรให้เสร็จสิ้นภายใน 8 เม.ย. พร้อมการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยการจราจรในแต่ละเส้นทาง บริเวณทางร่วมทางแยก รวมถึงหน้าสถานีบริการน้ำมันหรือจุดแวะพักรถ มีศูนย์ควบคุมสั่งการที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง สายด่วน 1193 หรือเพจ Facebook ตำรวจทางหลวง และศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) สายด่วนหมายเลข 1197 (พื้นที่ กทม.) เพื่อให้การบริการประชาชน ในการสอบถามเส้นทาง รับแจ้งอุบัติเหตุ
2. ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจร 2 ฉบับ ได้แก่
(1) ข้อบังคับฯ ว่าด้วยการกำหนดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) คือขาออก กทม. มีทั้งหมด 9 เส้นทาง 10 จังหวัด ระยะ 217 กม. ระหว่าง 8-14 เม.ย. และขาเข้า กทม. มีทั้งหมด 9 เส้นทาง 13 จังหวัด ระยะทาง 228 กม. ระหว่าง 14-19 เม.ย. เพื่อใช้เป็นช่องทางพิเศษ เพื่อระบายรถช่วงที่หนาแน่นให้คล่องตัว
(2) ข้อบังคับฯ ว่าด้วยการกำหนดห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ทำการเดินรถในถนนบางสาย ระยะเวลาตั้งแต่ 12-13 เม.ย. และตั้งแต่ 16-18 เม.ย. มีเส้นทางที่ห้ามวิ่งทั้งหมดรวมกัน 7 เส้นทาง และระยะทางรวมกัน 194 กม.
และทั้งนี้สำหรับรถบรรทุกที่มีความจำเป็นจะต้องเดินรถในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น สามารถยื่นคำขอขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ของ บก.ทล. ได้ที่ www.hwpdth.com โดยจะเริ่มเปิดระบบขออนุญาตทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นต้นไป
และในกรณีการเกิดอุบัติเหตุ ตำรวจจะทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกรายในกรณีเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงจะมีการสอบสวนขยายผล และสำหรับในกรณีที่เป็นเด็กหรือเยาวชนดื่มสุราแล้วมาขับรถ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ขายสุรา ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ และดำเนินคดีกับบุคคลที่ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรฯ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ และบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเข้มงวด (การห้ามจำหน่ายสุราในเวลาห้าม และห้ามดื่ม-ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในสถานที่กฎหมายกำหนด และห้ามขายให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี)
4. มีการจัดทำฐานข้อมูลบัญชีกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ เพื่อเพิ่มมาตรการสำหรับการป้องกันก่อนเกิดเหตุ ทุกสถานีตำรวจ ได้แก่ บัญชีบุคคลเสี่ยง บัญชีร้านค้าเสี่ยง บัญชีกิจกรรมเสี่ยง เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลในการเข้าไปประชาสัมพันธ์ ป้องปรามหรือตักเตือนก่อนทำผิด
5. มาตรการสำหรับการป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุในทางม้าลาย โดยทางตร. ร่วมกับหน่วยงานเจ้าของถนนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มีการสำรวจข้อมูลเส้นทางข้ามทั่วประเทศ และทำการกำหนดแผนการปรับปรุงซ่อมแซม สำหรับผลการสำรวจนั้น โดยมีเส้นทางข้ามภาพรวมทั้งประเทศ มีจำนวน 10,254 จุด (มีสัญญาณไฟจราจร 1,262 จุด มีกล้อง CCTV 1,881 จุด) และมีการจัดทำเส้นทางข้ามเพิ่มเติม 328 จุด ยกเลิก/ปรับย้าย 25 จุด กำหนดแผนการปรับปรุงซ่อมแซมเส้นทางข้าม จำนวนทั้งสิ้น 2,853 จุด (จัดทำแล้วเสร็จ 1,048 จุด คงเหลือ 1,805 จุด) พร้อมบังคับใช้กฎหมาย ในข้อหาที่เกี่ยวกับทางข้าม การฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร “เส้นทางข้าม”, ไม่ข้ามถนนตรงทางข้าม, จอดรถในทางข้าม และขับรถโดยใช้ความเร็วบริเวณเส้นทางข้ามเกินกฎหมายกำหนด มาตั้งแต่เดือน ก.พ. 65 จนถึงปัจจุบัน มีผลการจับกุมทั้ง 4 ข้อหา รวมจำนวน 3,739 ราย
6. บริการห้องพักผ่อนฟรีได้มาตรฐาน กับโครงการห้องพักฟรีทั่วไทยจากใจตำรวจทางหลวง มีหน่วยบริการทั้งหมด 201 หน่วยในทั่วประเทศ โดยให้บริการของหน่วยบริการตำรวจทางหลวง ผ่านระบบออนไลน์ที่ www.booking.hwpdth.com ซึ่งมีห้องพักผ่อนฟรี สำหรับให้ประชาชนแวะพักเหนื่อย และการบริการเครื่องดื่มหรือขนมทานเล่น พร้อมห้องน้ำสะอาดซึ่งทุกหน่วยบริการมีมาตรการป้องกันโรคโควิด - 19 ที่ได้มาตรฐาน
7. มีการรณรงค์ให้ประชาชนส่งคลิปกล้องหน้ารถ หรือคลิปจากกล้องโทรศัพท์มือถือกับแคมเปญ “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ที่จัดโดยตร. มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับบริษัทวิริยะประกันภัย ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการ “อาสาตำจราจร” โดยมีการรณรงค์ให้ประชาชนส่งคลิปกล้องหน้ารถ หรือคลิปจากกล้องโทรศัพท์มือถือ ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้นของเทศกาลสงกรานต์ 2565 มีระยะเวลาตั้งแต่ 11- 17 เม.ย.65 ที่มีการบันทึกเหตุการณ์การกระทำผิดกฎจราจรสำคัญที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น หรือจะเป็นการบันทึกอุบัติเหตุสำคัญและสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีของตำรวจได้ ซึ่งจะคัดเลือกจากคลิปที่ประชาชนส่งมา จำนวน 7 คลิป และมอบรางวัลให้คลิปละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 70,000 บาท และจะมีการจัดงานมอบรางวัลพร้อมเกียรติบัตรให้เจ้าของคลิปที่ได้รับคัดเลือก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น