P.I.E. Premium Modern Truck

  เทศกาลสงกรานต์วันปีใหม่ไทยของปี  2566  นี้ ทางด้านกรมการขนส่งทางบกได้ร่วมมือกันกับทางด้านของภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม  " ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย" พร้อมกับยังเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมเข้าบริการตรวจสภาพความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์เบื้องต้นก่อนเดินทางได้มากกว่า 20 รายการ ซึ่งจะได้รับการดูแลทุกรายการจากช่างผู้ชำนาญงาน โดยสามารถตรวจเช็กได้ฟรีโดยไม่คิดค่าบริการ ระยะเวลากิจกรรมตั้งแต่  15  มี.ค.  – 15  เม.ย.  2566  โดยประชาชนสามารถนำรถเข้าไปรับบริการตรวจสภาพได้ ณ ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์  “ ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย ”   และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้ความร่วมมือด้วยความห่วงใยพร้อมต้องการส่งมอบความปลอดภัยให้แก่ประชาชนชาวอยู่ต่อเนื่องเสมอมา ได้แก่    ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ร.ย.ส.ท.) ,  สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย ,  สมาคมการค้าไทย-ยุโรป ( TEBA),  สมาคมตรวจสภาพรถเอกชนไทย ,  สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ ,  สถาบันยานยนต์ ,  บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ,  บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล (ป

    สำหรับในวันนี้ทาง   P.I.E Premium Modern Truck   ก็กลับมาพบกันกับผู้อ่านทุกท่านอีกครั้งพร้อมบทความสำหรับการประชาสัมพันธ์ที่จะมาแชร์ข่าวสารให้ได้ทราบกันหมือนอย่างเช่นเคย นั่นก็คือ โครงการ “แบตฯดี มีคืน” ที่จัดขึ้นโดยศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า สถาบันยานยนต์  ซึ่งเป็น หน่วยงานผู้ที่ให้การบริการ เพื่อทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร ของไทย  ขอเชิญชวนร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการที่เข้ารับบริการทดสอบแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า มอก.3026-2563 ( UN R 100) และแบตเตอรี่สำหรับจักรยานยนต์ไฟฟ้า มอก.2952-2536 ( UN R 136) กับสถาบันยานยนต์ตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยมีระยะเวลาเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม  –  29 ธันวาคม 2566  และในการจัดโครงการครั้งนี้ทางด้านสถาบันยานยนต์  ก็มี วัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นการมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้ประกอบเกิดการพัฒนาแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่มีความปลอดภัยเป็นไปตาม มอก. เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ มอก.  และ ก็ยังเป็นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า อีกด้วย  โดยภายในโครงการการ

  ปฏิเสธไปไม่ได้เลยว่าสำหรับในปัจจุบันนั้นกระแสของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ( EV)  กำลังแรงอยู่อย่างต่อเนื่องในขณะนี้ และสำหรับกระแสนี้เองส่งผลทำให้ได้มีการแผ่ขยายอิทธิพลไปยังมากมายหลอกหลายวงการอื่นให้แข่งขันกันผลิตยานพาหนะอื่น ๆ ในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรือยอช์ตพลังงานไฟฟ้า รถโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า ไปถึงจนวงการขนส่งอย่างรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าเองก็เช่นเดียวกัน มีหลากหลายแบรนด์ทั่วโลกได้เปิดรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ากันอยู่เรื่อย ๆ      และล่าสุดจากทางด้านบริษัทจากรัฐมิชิแกนในประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัท เดอะ ชิฟต์ กรุ๊ป ( The Shyft Group)  ก็เช่นเดียวกัน ได้มีการเปิดรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า ( EV )  ตัวใหม่ล่าสุดออกมา รุ่น “บลู อาร์ก คลาส 5 ( Blue Arc Class  5 ) ” ที่มาพร้อมกับจุดเด่นในการใช้งานได้ในระดับมืออาชีพ พิเศษกว่าใครด้วยสามารถรองรับการติดตั้งติดแผงโซลาร์ พร้อมกับสามารถบรรจุผู้โดยสารนั่งได้มากสูงสุดถึง 6 คน รวมถึงความสามารถในการวิ่งในระยะทางได้ถึง 320 กิโลเมตร       ด้วยความสามารถของ บลู อาร์ก คลาส 5 ( Blue Arc Class  5) ที่จะขับเคลื่อนไปด้วยความเร็วมากสูงสุดอยู่ที่ปร

        หลังจากที่มีหลากหลายแบรนด์ทั่วโลกได้มีการก้าวเข้าสู่วงการตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์กันมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ในที่สุดค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น อย่าง อีซูซุ มอเตอร์ส   ในฐานะของผู้นำด้านของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดรถบรรทุกมากกว่าครึ่งหนึ่งในญี่ปุ่น แล้วยังเป็นส่วนสำคัญในการผลิตรถยนต์ที่มีความปลอดภัยรวมไปถึงการสร้าง  “ นวัตกรรม ”  ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถ  ได้มีการ เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าอย่างสมการรอคอยเช่นเดียวกัน โดยมาจากการที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบโลจิสติกส์ที่ได้มีส่วนเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้นำไปสู่การก้าวเข้ามาสู่สังคมความเป็นกลางทางคาร์บอนและวงการตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะขนาดกลาง ในตระกูล  “ เอลฟ์ ” ( Isuzu ELF EV )  เป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย ด้วยโปรแกรมเพื่อการพาณิชย์โซลูชั่นส์ครบวงจรอย่าง  “EVision”  หรือ อีวี        ซึ่งโซลูชั่นส์ครบวงจรอย่าง  “EVision”  นี้  มุ่งเน้นเพื่อ เป็น การหาโซลูชั่นส์มาเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเริ่มใช้รถไฟฟ้า การประเมินผลประโยชน์เชิงปริมาณ

     สำหรับเรื่องของราคาน้ำมันภายในตลาดน้ำมันของโลกในปัจจุบัน เรียกได้ว่ายังมีความผันผวนอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นต้นมาตั้งแต่ช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ ซึ่งก็ส่งผลทำให้ในประเทศไทยเองมีการปรับขึ้น-ปรับลงของราคาขายปลีกของน้ำมันก็อยู่บ่อย ๆ ครั้ง และนี่อาจจะทำให้ใครหลาย ๆ คนเริ่มเกิดข้อสงสัยกันมากขึ้น ดังนั้นในสำหรับวันนี้เองทาง  P.I.E Premium Modern Truck   จะมาแบ่งปันบทความพร้อมกับแชร์สาระดี ๆ ที่จะมาพาผู้อ่านทุกคนไปไขข้อสงสัยพร้อม ๆ กันในเรื่องของ โครงสร้างราคาน้ำมัน ในประเทศไทยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันว่าในปัจจุบันทุกวันนี้ที่เราเติมกันอยู่ใน 1 ลิตร จะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง      สำหรับในเรื่อง ราคาน้ำมันขายปลีกที่มีปรากกฎอยู่ตามหน้าปั๊มน้ำมันอยู่นั้น เราจะต้องมาทำความเข้าใจกันก่อน ว่าไม่ได้เป็นราคาจากหน้าโรงกลั่นเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นราคาที่ผ่านส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วยกันถึง  4  อย่าง ได้แก่ โรงกลั่น ( 40  – 60%) ภาษีต่าง ๆ ( 30  – 40%) ซึ่งเป็นรัฐบาลเรียกเก็บส่วนที่เพิ่มเติมมาจากราคาน้ำมัน เพื่อนำไปเป็นรายได้ในการพัฒนาประเทศของเรา ซึ่งจะประกอบไปด้วย ภาษีสรรพสามิต ภาษีมหาดไทย หรือภาษีเทศ

      P.I.E Premium Modern  ในวันนี้ก็มาพร้อมกับข่าวสารสำคัญจากทางกรมการขนส่งทางบก มาฝากผู้อ่านทุกท่านให้ได้อ่านเหมือนอย่างเช่นเคย และทางเราก็ได้เคยมีการพูดถึงข่าวสารเกี่ยวกับมิจฉาชีพที่หลอกแอบอ้างทำใบอนุญาตขับขี่ปลอมในบทความที่ผ่านมาก่อนหน้านี้กันบ้างไปแล้ว และข่ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ทางด้านกรมการขนส่งทางบก ก็ได้มีการเปิดเผยถึง รายชื่อเพจมิจฉาชีพทำใบขับขี่ปลอม ที่รวบรวมมาได้จากช่องทางออนไลน์อยู่มากกว่า 100 เพจ ซึ่งประชาชนสามารถที่จะตรวจสอบรายชื่อเหล่านี้ได้ที่ช่องทางเว็บไซต์  ( https://bit.ly/ 3 YvPwdb  )  หรือ คิวอาร์โค้ด ของทางกรมการขนส่งทางบก พร้อมกับย้ำเตือนต่อประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ หรืออย่าได้โอนเงินอย่างเด็ดขาด ถ้าหากพบว่ามีการปลอมแปลงใบขับขี่หรือแอบอ้างอบรมต่ออายุใบขับขี่แทนจะดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนขั้นสูงสุดทุกราย  ทั้งนี้หากประชาชนท่านใดถ้าหากพบว่าเพจเฟซบุ๊กปลอมขอให้กดรายงานบัญชีหรือเพจเฟซบุ๊ก( report)  หรือสามารถแจ้งเบาะแสมายังทางกรมการขนส่งทางบกได้โดยตรง หรือโทรสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง         โดยทางด้าน นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบ

     ซึ่งเรื่องที่ทาง  P.I.E Premium Modern Truck  จะพูดกันในวันนี้ก็คือ เราจะพาผู้อ่านไปดูทำความรู้จักพร้อม ๆ กันกับเรื่องของประเภทของ อะไหล่รถยนต์ ว่าในท้องตลาดจะมีด้วยกันอยู่กี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทจะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง โดยถ้าหากว่าเรารู้เอาไว้ ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงกับการซื้ออะไหล่ที่มีคุณภาพอย่างไม่ตรงตามต้องการได้ แล้วยังจะสามารถเลี่ยงการโดนโกงจากผู้ให้บริการได้อีกด้วย เพราะในบางครั้งเราก็มีความจำเป็นที่จะต้องไปเลือกใช้งานการบริการจากทางอู่ซ่อมรถยนต์ที่ให้บริการโดนฃยช่างผู้ชำนาญการเฉพาะที่ค่อนข้างไว้ใจได้แทน และไม่สามารถนำรถคู่ใจของเราเข้าไปเลือกใช้งานบริการจากทางศูนย์บริการได้ เนื่องมาจากที่ราคาอะไหล่ก็ค่อนข้างย่อมเยากว่า สามารถจับต้องได้ในงบของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามในท้องตลาดเองก็มีอะไหล่ที่วางขายอยู่ด้วยกันอยู่หลากหลายประเภท ดังนั้นเมื่อเวลาที่จะต้อง ตอบคำถามว่าจะเลือกประเภทไหนดี ก็อาจจะมีข้อสงสัยอยู่บ้าง ถ้าอย่างงั้นเรามาดูไปพร้อมกันเลยดีกว่าว่ามีอะไหล่ในประเภทไหน อะไหล่รถยนต์ แบ่งประเภทออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้ อะไหล่แท้   OEM  ( Original Equipment Manufa

  สาเหตุของ น้ำหยดใต้ท้องรถ เกิดจากอะไรได้บ้าง   ?    ในบางครั้ง ถ้าหากว่าเราได้ลองสังเกตดู หลังจากที่ได้ทำการ ดับเครื่องยนต์แล้ว จอดรถทิ้งไว้สักระยะเวลาหนึ่ง ก็จะเห็นได้ว่ามีหยดน้ำหยดลงอยู่ที่บริเวณของใต้ท้องรถของเรา  ซึ่งสำหรับปัญหาน้ำหยดใต้ท้องรถนี้สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ว่ากับรถใหม่หรือรถเก่า โดย สาเหตุก็ จะ มีหลากหลายสาตุที่สามารถก่อเป็นปัญหาของน้ำหยดใต้ท้องรถได้ ไม่ว่าจะเป็นเกิดจากซีลยางเสื่อมสภาพ แหวนรองน็อตน้ำมันเครื่องแตกหรือฉีกขาด อ่างน้ำมันเกียร์รั่ว การดัดแปลงเครื่องยนต์ หรือว่าแม้แต่เกิดจากการกระแทกที่ใต้ท้องรถ     แต่ถ้าหากว่ามีหยดน้ำที่เป็นหยดน้ำจาก  “ น้ำยาแอร์ ”  ก็ไม่ต้องมีเป็นกังวลใจแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจะมีน้ำแอร์หยดเกิดขึ้นได้ตามปกติตามการระบายปล่อยทิ้งน้ำยาแอร์ลงไปที่ใต้ท้องรถอยู่แล้ว แต่ถ้าหากว่าเป็นของเหลวอื่น ๆ ที่ไม่ใช่น้ำยาแอร์ก็ควรต้องระวังเอาไว้ เพราะอาจจะเป็นอาการผิดปกติ หรือเป็นสัญญาณที่เตือนว่ารถกำลังเกิดปัญหาอยู่ก็ได้ ดังนั้นเราจะต้องรู้ก่อนว่าน้ำที่หยดลงมาเกิดมาจากส่วนใดบ้าง เพื่อที่เราจะได้ทำการตรวจสอบและรีบดำเนินการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่มีคว

    ในชีวิตประจำวันยานพาหนะต่าง ๆ ที่ใช้งานขับขี่อยู่บนท้องถนนไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถบรรทุกนั้น ก็ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง หรือ   PM  2.5 ขึ้นในอากาศ โดยเกิดขึ้นมาจากทั้งการเสียดสีกันของยางรถกับพื้นถนน ทั้งควันจากท่อไปเสีย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการจราจรติดขัดอย่างมาก จะทำให้อากาศบริเวณนั้นจะยิ่งขมุกขมัวและเต็มไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้  และในปัจจุบันนี้ปัญหาฝุ่น  PM  2.5 ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวร ซึ่งฝุ่น  PM  2.5 ก็เต็มไปด้วยการปนเปื้อนไปของเชื้อโรคและสารพิษมองไม่เห็นได้ด้วยตาต่าง ๆ จึงทำให้เราจะต้องหายใจเข้าเอาอากาศที่ไม่บริสุทธิ์เหล่านี้เข้าไป และโดยธรรมชาติแล้วจมูกของเราก็ไม่สามารถกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กมากเหล่านี้ก็ไม่ให้เข้าสู่ภายในร่างกายได้ ซึ่งก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายตามมาอย่างมาก  ซึ่งเราก็มีส่วนช่วยในการ ลดฝุ่น  PM  2.5 ได้ด้วยการสามารถปรับพฤติกรรมขับขี่และการใช้งานรถอย่างจริงจังในชีวิตประจำวัน ได้ดังนี้ การตรวจสอบสภาพรถ และบำรุงรักษาเครื่องยนต์อยู่เสมอ ห้ามปรับแต่งเครื่องยนต์ให้ต่างไปจากเดิมจากโรงงาน ไม่บรรทุกน้ำหนัก