P.I.E. Premium Modern Truck

     สำหรับในวันนี้ทาง  P.I.E Premium Modern Truck  ก็ได้รวบรวมและสรุปเรื่องเกี่ยวกับ พิกัดน้ำหนักบรรทุ ก ของรถบรรทุกให้เข้าใจง่ายขึ้นแล้ว เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ไว้สำหรับชาวนักขับรถบรรทุก ซึ่งเหตุผลที่ได้พิกัดน้ำหนักถูกกำหนดขึ้นเพื่อเป็นการดูแลและป้องกันเส้นทางการจราจรต่าง ๆ ไปตั้งแต่ถนนใหญ่ ๆ ไปจนถึงถนนเล็ก ๆที่มีตรอกซอกซอย เพื่อเป็นการไม่ให้เกิดการเสียหาย ผุพังหรือทรุดโทรมก่อนระยะการใช้งาน จากการที่มีรถที่มีน้ำหนักมากเกินไปจนขีดจำกัดของถนน แล้วยังช่วยควบคุมการใช้รถให้เหมาะสมเส้นทางอีกด้วยนั่นเอง จึงทำให้ต้องมีการออกมาตรการในการจำกัดการบรรทุกน้ำหนัก โดยสำหรับประเภทของรถบรรทุก กับ น้ำหนักบรรทุกรวม มีดังต่อไปนี้   1. รถบรรทุกที่มีขนาด 10 ล้อ น้ำหนักบรรทุก 10 ล้อ รวมต้องไม่เกิน 25 ตัน หรือ 25,000 กิโลกรัม 2. รถบรรทุกที่มีขนาด 4 ล้อ น้ำหนักบรรทุก 4 ล้อ รวมต้องไม่เกิน 9.5 ตัน หรือ 9,500 กิโลกรัม 3. รถบรรทุกที่มี 6 ล้อ น้ำหนักบรรทุก 6 ล้อ รวมต้องไม่เกิน 15 ตัน หรือ 15,000 กิโลกรัม 4. รถบรรทุกที่มี 12 ล้อ น้ำหนักบรรทุก 12 ล้อ รวมต้องไม่เกิน 30 ตัน หรือ 30,000 กิโลกรัม   และสำหรับกฎหมายที่เกี่

  ตรอ. คืออะไร  ?    ตรอ. นั้น ย่อมาจาก “สถานตรวจสภาพรถเอกชน” ที่ได้ติดป้ายสัญลักษณ์แปะเอาไว้ หมายถึงได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกแล้ว ในการสามารถนำรถเพื่อเข้าไปการตรวจสภาพรถ ให้มีความพร้อมในการใช้งานตามข้อกำหนดของทางกรมการขนส่งฯ ซึ่งทางตรอ. ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ที่มีรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถบรรทุกด้วย โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปดำเนินการถึงที่กรมขนส่ง และยังเป็นการลดภาระการตรวจสภาพรถจากทางกรมขนส่งอีกด้วย      เนื่องมาจากว่าการตรวจสภาพรถนั้น ก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถทุกคนจำเป็นต้องทำเป็นประจำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม ซึ่งตามที่ได้มีข้อกำหนดเอาไว้ตามพระราชบัญญัติ การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ว่ารถที่จะนำมาใช้ในการขนส่ง หรือนำมาจดทะเบียน จะต้องมีสภาพที่มั่นคง แข็งแรง รวมถึงต้องมีลักษณะ ขนาด และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถ ที่ถูกต้องตามที่กฎกระทรวงฯ ได้กำหนดไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ร่วมใช้ถนน ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้ ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฯ     และสำหรับการตรวจสภาพรถยนต์ก็จะต

  ทางด้านกรมการขนส่งทางบกได้มีการประชาสัมพันธ์โครงการดี ๆ เกี่ยวกับการจัดโครงการสร้างนักขับรถมืออาชีพโดยโรงเรียนการขนส่ง โดยจากการร่วมมือกันของโรงเรียนการขนส่ง ร่วมกับ บริษัท ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ จำกัด และ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ดังนั้นในวันนี้เหมือนอย่างเช่นเคยที่  P.I.E Premium Modern Truck    มาแจ้งแก่ผู้อ่านและนักขับรถบรรทุกทุกท่านที่มีความสนใจในการ เรียนขับรถใหญ่สร้าง อาชีพ ฟรี ในหลักสูตร  5  วัน     ซึ่งโครงการสร้างนักขับรถมืออาชีพโดยโรงเรียนการขนส่ง เปิดรับสมัครเรียนขับรถใหญ่สร้างอาชีพ เพื่อสำหรับผู้ที่สนใจเรียนและสอบทำใบขับขี่รถบรรทุก (ชนิดที่ 2) (ท.2) ได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นค่าเรียน ค่าที่พัก ค่าอาหาร และรวมถึงอาหารว่างตลอดระยะเวลาการอบรมหลักสูตร 5 วัน ณ โรงเรียนการขนส่ง หรือศูนย์สอนขับรถบรรทุกขนาดใหญ่ อ.ลำลูกา จ.ปทุมธานี คุณสมบัติของผู้สมัครเรียน มีสัญชาติไทย มีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปีบริบูรณ์ นับถึงวันปิดรับสมัคร มีใบอนุญาตขับรถยนต์ที่ยังไม่สิ้นอายุ (ไม่น้อยกว่า 2 ปี) ไม่มีร่างกายพิการ ไม่มีประวัติเป็นผู้ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึ

  5 อุปกรณ์รถที่เสี่ยงพังในช่วงหน้าร้อนได้มากที่สุด เรามาดูกันดีกว่าจะมีอะไรบ้าง เพื่อดูแลรถคู่ใจของเรากันถูกในช่วงอากาศร้อนที่มีอุณหภูมิสูงจัดแบบนี้กันครับ 1.ใบปัดน้ำฝน  ใบปัดน้ำฝน เมื่อเจอกับอากาศร้อนแล้วก็จะทำให้ยางใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพลงรวดเร็วกว่าที่คิด ได้ เพราะเมื่อยางโดนความร้อน จัด จะส่งผลทำให้ ความเหนียวและยืดหยุ่นในยางจะยิ่งลดลงเรื่อย ๆ ลงไป ซึ่งจะส่งผลทำให้ที่ปัดน้ำฝนฝืดนั่นเอง    2.ขอบยางประตู  ขอบยางประตูรถเมื่อเจอกับความร้อนจากแสงแดดและอากาศ ก็จะส่งผลต่อความเหนียวและยืดหยุ่นของอุปกรณ์ในรถที่ ซึ่งจะทำให้สามารถเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้เริ่มมีอาการฝืด และมีปัญหาเวลาเปิด-ปิดประตูและอาจมีน้ำไหลซึมเข้าสู่รถและส่งผลระยะยาวจนประตูผิดรูปได้ 3.ยางรถยนต์  ยางรถยนต์ สามารถเป็นอันตรายได้ถึงขั้นเกิดการระเบิดขึ้นได้เลยทีเดียว ถ้าหากเจอกับความร้อนจากอากาศที่สูงจัดมากขึ้น เนื่องจากความดันที่อยู่ภายในยางมักจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกับรถที่ได้เติมลมยางในปริมาณมาก หรือเป็นยางที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว 2-3 ปีขึ้นไป ถ้าหากว่ายางเสียดสีกับท้องถนนก็อาจจะส่งผลทำให้ยางตึงจนระเบิดได้นั่นเอง 4.หม

      สิ่งที่ต้องรู้ก่อนนำรถไปซ่อม เพื่อเป็นการเตรียมตัวและรถให้พร้อมก่อนส่งรถคู่ใจเข้ารับบริการ ทุกครั้ง 1.            เลือกศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมรถไว้ใจได้ เมื่อเกิดพบปัญหาหรือต้องการเอารถเข้าไปตรวจเช็ก สิ่งแรกที่จะต้องทำทุกครั้งก็คือการเลือกศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่ใกล้บ้านและไว้ใจได้ 2.            สอบถามข้อมูลรายละเอียดในการซ่อมให้ชัดเจน ก่อนตกลงนำรถเข้าใช้บริการไม่ว่าจะเลือกศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถทุก ๆ  ครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการสอบถามข้อมูลรายละเอียดการซ่อมอย่างละเอียดและครบถ้วนก่อนอยู่เสมอ   3.            ตรวจสอบร่องรอยเดิมบนตัวรถที่มีอยู่แล้ว ทำการตรวจเช็กร่องรอยที่อยู่บนตัวรถอย่างละเอียดทุกครั้ง ว่ามีร่องรอยถลอกหรือรอยขีดขวนตรงไหนอยู่ก่อนบ้างแล้ว หรือถ่ายภาพรอบตัวรถเอาไว้ให้ครบทุกจุดเพื่อเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีที่เกิดมีรอยหรือตำหนิใหม่บนตัวรถเราขึ้นมา หลังจากการซ่อมรถ จะได้มีหลักฐานยืนยัน เพื่อเรียกความรับผิดชอบได้ 4.            ตรวจสอบและเก็บสิ่งของมีค่าออกจากรถให้หมด ควรนำสิ่งของที่มีค่าออกจากรถมาให้หมดไม่ควรเหลือเอาไว้อย่างยิ่งแม้แต่ชิ้นเดียวก่อนที่จะนำรถเข