ประเภทของเชื้อเพลิง
เนื่องจากในปัจจุบันมีน้ำมันเชื้อเพลิงหลายประเภทที่จัดจำหน่ายให้เราเลือกสรรเติมให้กับรถยนต์และรถบรรทุกแสนรักของเรา แต่ไม่เพียงจะหลากหลายประเภทแล้วรวมถึงเรื่องราคาเองก็มีความแตกต่างกันไปอีกด้วย แถมรถยนต์แต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นก็อาจจะเติมน้ำมันร่วมกันไม่ได้อีก ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการพัฒนาให้สามารถใช้ร่วมกันได้ แต่เราเองก็มีความจำเป็นรู้ว่ารถของเราไม่ควรจะเติมน้ำมันประเภทใด เพราะการเลือกน้ำมันก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ต่างจากการเลือกอาหารดี ๆ และมีประโยชน์ให้กับร่างกายเลยทีเดียว อีกอย่างการเติมน้ำมันที่เหมาะสมยังเป็นวิธีที่จะช่วยให้เราได้รักษาสภาพของหัวจ่ายน้ำมันที่ทำหน้าที่คอยฉีดน้ำมันให้เข้าไปที่ห้องเผาไหม้ของรถ เมื่อเราเลือกเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่เหมาะสมสิ่งที่จะตามมาก็คือการทำงานที่บกพร่องหัวฉีดที่จ่ายน้ำมันหรือเกิดการอุดตัน ส่งผลให้รถยนต์วิ่งแล้วสะดุด หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพนั่นเอง รู้อย่างนี้แล้วเราก็มาทำความรู้จักกับประเภทของน้ำมันเชื้อเพลิง และควรใช้สำหรับรถยนต์ประเภทไหนบ้าง ในวันนี้ทาง P.I.E Premium Modern Truck ก็ได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว
น้ำมันเชื้อเพลิงนั้นจะสามารถแบ่งออกไดเเป็น 3 ชนิดได้แก่
น้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล
และยังจำแนกจากตามที่จำหน่ายตามท้องตลาดออกได้อีกเป็น 7 ประเภท ดังนี้
น้ำมันเบนซิน
น้ำมันเบนซินเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้มาจากการกลั่นออกมาของน้ำมันดิบ พร้อมผ่านการปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นด้วยการนำมาเข้าสู่กระบวนการต่าง ๆ ที่เรียกว่า ออกเทน ซึ่งค่าความเข้มข้นของออกเทนนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละประเภท
- น้ำมันเบนซิน 95 มีค่าออกเทนที่สูงถึง 95% นั่นก็คือเยอะสุดที่มีในปัจจุบัน และมีส่วนผสมจากน้ำมันเบนซินไร้เอทิลแอลกอฮอล์ สามารถที่จะใช้ได้กับรถยนต์แทบทุกประเภท แต่ก็เป็นน้ำมันที่มีราคามีราคาสูงเช่นเดียวกัน
น้ำมันแก๊สโซฮอล์
น้ำมันแก๊สโซฮอล์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่เกิดมาจากแนวคิดพลังงานทดแทน ได้แอลกอฮอล์สกัดจากพืช อย่าง มันสำปะหลัง ข้าวโพด และอ้อย เรียกว่า เอทานอล และนำมาผสมกับน้ำมันเบนซิน สำหรับรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ได้นั้นจะต้องได้รับการออกแบบวัสดุชิ้นส่วนต่างๆ มาเฉพา
- แก๊สโซฮอล์ 91 มีน้ำมันเบนซินออกเทน 91 ที่ 90% และเอทิลแอลกอฮอล์อยู่ 10% และมีค่าออกเทนเทียบเท่ากับเบนซิน 91 รวมถึงมีคุณสมบัติตามมาตรฐานเทียบเท่ากันอีกด้วย แต่ในส่วนของราคาที่ถูกย่อมเยากว่ามาก รถที่ใช้ได้ต้องมีการระบุว่าใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เท่านั้น ซึ่งจะสามารถเติมน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันโซฮอลล์ 95 ได้ด้วย
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ที่ 90% และเอทิลแอลกอฮอล์ที่ 10% และมีค่าออกเทนเทียบเท่ากับเบนซิน 95 แต่ในส่วนของราคานั้นถูกกว่า แต่ก็มีข้อเสียคือความสิ้นเปลืองมากกว่าเพราะการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า รถที่สามารถใช้ได้ต้องมีการระบุให้ใช้กับแก๊สโซฮอล์ 95 เท่านั้น
- น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E20 หรือเบนซิน E20 น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ที่ 80% และเอทิลแอลกอฮอล์ที่ 20% เป็นเหตุที่ได้ชื่อ E20 นั่นเอง มีราคาค่อนข้างที่จะถูกเลย แต่ที่สำคัญในสำหรับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง E20 เครื่องยนต์จำเป็นต้องมีการรองรับน้ำมันชนิดนี้ หรือมีการระบุที่ฝาถังว่าสามารถใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20 ได้เท่านั้น สำหรับรถที่ไม่ได้มีการระบุไว้ก็ห้ามเติมเด็ดขาด
- น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E85 มีน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ที่ 15% และเอทิลแอลกอฮอล์ที่ 85% เป็นเหตุที่ E85 นั่นเอง ถึงแม้ว่าจะมีราคาถูกที่สุดในกลุ่มเดียวกัน แต่ก็กลับสิ้นเปลืองกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ E20 รถที่สามารถใช้ได้ต้องมีการระบุชัดเจนที่ฝาถังว่าสามารถเติมได้เท่านั้น
น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล
เป็นน้ำมันดิบที่มีคุณสมบัติที่เหมาะกับการใช้งานกับเครื่องยนต์ดีเซล โดยมีจุดเดือดสูงมากถึง 180- 370 องศาเซลเซียส เพียงพอต่อความจำเป็นต้องใช้แรงอัดที่สูงมากเพื่อให้เกิดการจุดระเบิดโดยน้ำมันใส
- น้ำมันดีเซล B7 มีน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 93% กับไบโอดีเซลอยู่ที่ 7% ซึ่งรถยนต์รุ่นเก่าหรือรถยุโรปอย่างมาก
- น้ำมันดีเซล มีน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 90% กับไบโอดีเซลอยู่ที่ 10% ซึ่งจะเหมาะสำหรับรถกระบะขนบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ ไปจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ทั่วไป
- พรีเมี่ยม B7 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงตัวพิเศษที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ อย่างมากกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงแบบปกติ รวมถึงมีราคาสูงกว่าอีกด้วย
- น้ำมันดีเซล B20 มีโอดีเซลอยู่ที่ 20% กับน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 80% ข้อดีคือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน มีส่วนให้การลดฝุ่นละอองฝุ่น P.M.2.5 พร้อมกับราคาที่แสนประหยัด สามารถใช้งานได้ดีสำหรับรถบรรทุกตั้งแต่ขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น